การตลาดแบบย้อนภาพจำ Nostalgia Marketing คืออะไร และต่างจาก Retro Marketing อย่างไร
การโฆษณาของสินค้าหลายแบรนด์ ๆ ที่ผ่านมา มีการหยิบกลยุทธ์การตลาดแบบ Nostalgia Marketing มาใช้กันมากขึ้น รวมถึงการตลาดแบบ Retro Marketing การตลาดแบบย้อนยุค
กลยุทธ์การตลาดแบบ Nostalgia Marketing และ Retro Marketing ต่างกันยังไง
Nostalgia Marketing คือ การตลาดแบบย้อนภาพจำ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้หลักจิตวิทยา แนวคิดเชิงบวก มุ่งเน้นความคุ้นเคยจากอดีตที่ผ่านประสบการณ์โดยตรงของกลุ่มลูกค้า ทั้ง สิ่งของ สถานที่ บุคคล หรือเหตุการณ์ในอดีต นำมาเชื่อมโยงเข้ากับแบรนด์ ทำให้กลุ่มเป้าหมายประทับใจ เพราะได้ย้อนถึงความทรงจำเก่า ๆ รู้สึกคิดถึง และเกิดความโหยหา
Retro Marketing คืออะไร
Retro Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดแบบย้อนยุค โดยแบรนด์จะนำสินค้าหรือบริการที่เคยเกิดขึ้นในอดีต มาปัดฝุ่น แล้วรีเมคขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้กลับมามีกระแสขึ้นอีกครั้ง โดยยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าไว้เหมือนเดิม เพื่อปลุกความประทับใจในอดีตของกลุ่มลูกค้าย้อนคืนกลับมา เช่น ผ้าสไตล์ย้อนยุค กล้องฟิล์ม น้ำจรวด ไอติมโบราณ หรือ คอนเสิร์ตย้อนยุค ทั้งในส่วนของการจัดฉากเวที และเสื้อผ้าหน้าผมของนักร้อง นักแสดง ทำให้ผู้ชมหรือผู้บริโภคได้รู้สึกหวนกลับไปในเวลาที่มีค่าทางความทรงจำอีกครั้ง
เมื่อเทียบระหว่าง Nostalgia Marketing และ Retro Marketing แทบไม่แตกต่างกัน โดยกลยุทธ์และคอนเซ็ปต์ คือ การตลาดแบบย้อนยุค เน้นการนำเสนอจากภาพความทรงจำหรือประสบการณ์ในอดีต ต่างกันเพียงแค่ใช้คำไม่เหมือนกันเท่านั้น
กลุ่มเป้าหมายของการตลาด Nostalgia Marketing และ Retro Marketing คือใคร
เมื่อแยกคำว่า nostalgia คือ ความรู้สึกโหยหา ความคิดถึงอะไรเก่า ๆ ซึ่งการตลาดแบบ Nostalgia Marketing มักส่งผลต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Millennials หรือ Gen Y ที่มีอายุระหว่าง 24 – 37 ปี เพราะเป็นกลุ่มวัยที่คาบเกี่ยวระหว่างระหว่างยุค Analog มาเป็นยุค Digital ที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ และความก้าวล้ำของเทคโนโลยีในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัวไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้มีภาพความทรงจำมากกว่าคน Gen อื่น ๆ ทำให้การตลาดหรือโฆษณาแบบย้อนยุคสามารถทัชใจผู้บริโภค สร้างความประทับใจให้กับคนกลุ่มนี้ได้ง่ายและมากกว่าวัยอื่น นอกจากนี้ แนวการตลาดแบบนี้ ยังมีกลุ่มเป้าหมายรองอย่างกลุ่ม Baby Boomer Gen X และ Gen Z อีกด้วย